ยุคนี้ใครๆ ก็ใช้ Mobile Banking กันทั้งนั้น สะดวก รวดเร็ว โอนเงิน จ่ายบิล ง่ายแค่ปลายนิ้ว แต่… ความสะดวกสบายนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่เราต้องระวัง! ล่าสุด ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ เรื่องการยกระดับความปลอดภัย Mobile Banking ครั้งใหญ่ มีผลภายใน 30 วันหลังประกาศ (ยกเว้นบางกรณี) เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง และเราต้องเตรียมตัวอย่างไร
ทำไมต้องยกระดับความปลอดภัย? รู้ทันภัยไซเบอร์ยุคดิจิทัล
เคยสงสัยไหมว่าทำไมแบงก์ชาติถึงต้องออกมาตรการใหม่ๆ มาคุมเข้ม Mobile Banking? คำตอบก็คือ… ภัยคุกคามทางไซเบอร์มันน่ากลัวขึ้นทุกวัน!
ภัยคุกคามทางการเงินที่น่ากลัว: รูปแบบใหม่ ซับซ้อนกว่าเดิม
โจรสมัยนี้ไม่ได้มาแบบถือปืนปล้นธนาคารแล้วนะ เขานั่งอยู่หน้าคอมฯ ใช้เทคนิคสารพัดเพื่อล้วงข้อมูล แฮกบัญชีเราได้ง่ายๆ รูปแบบการโจรกรรมก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีทั้ง:
- Phishing: หลอกให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน ผ่านอีเมลปลอม เว็บไซต์ปลอม
- Malware: โปรแกรมร้ายที่แฝงตัวมาในแอปฯ หรือไฟล์ที่เราดาวน์โหลด
- SIM Swap: มิจฉาชีพสวมรอยเป็นเรา ไปขอซิมใหม่จากค่ายมือถือ แล้วเอาไปใช้ทำธุรกรรมแทนเรา
สถิติการโจรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile Banking ที่เพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลจากหลายแหล่งยืนยันตรงกันว่า สถิติการโจรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile Banking เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ! นี่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะฉะนั้น แบงก์ชาติจึงต้องเร่งออกมาตรการเพื่อปกป้องเงินในกระเป๋าของเรา
มาตรการใหม่จากแบงก์ชาติ: 1 บัญชี 1 เครื่อง และอื่นๆ อีกเพียบ!
มาตรการหลักๆ ที่แบงก์ชาติประกาศออกมา มีดังนี้ครับ
จำกัดการใช้งาน Mobile Banking: 1 คน 1 เครื่อง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ต่อไปนี้ 1 บัญชีธนาคาร จะผูกกับ Mobile Banking ได้แค่ 1 เครื่องเท่านั้น! หลายคนอาจจะเคยใช้ Mobile Banking หลายเครื่องพร้อมกัน (เช่น มือถือ, แท็บเล็ต) แต่ต่อไปนี้จะทำไม่ได้แล้วนะ เพื่อป้องกันการถูกสวมรอย
ยืนยันตัวตนเข้มข้นขึ้น: โอนเงินเยอะ ต้องยืนยันหลายขั้นตอน
ถ้าโอนเงินครั้งละมากๆ (เช่น 50,000 บาทขึ้นไป) หรือโอนเงินรวมต่อวันเกินวงเงินที่กำหนด (เช่น 200,000 บาท) จะต้องยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน เช่น สแกนใบหน้า หรือใช้รหัส OTP (One-Time Password) เพิ่มเติม
ทำไมต้องยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน?
หลายคนอาจจะรู้สึกว่ายุ่งยาก แต่จริงๆ แล้ว มันเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของเราเอง! คิดดูสิว่า ถ้ามีคนแอบเอาโทรศัพท์เราไปโอนเงิน จะทำได้ยากขึ้นเยอะ
วงเงินสูงสุดต่อวัน: ปรับให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละคน
แบงก์ชาติจะกำหนดวงเงินสูงสุดในการทำธุรกรรมต่อวัน ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้ใช้แต่ละคน
วงเงินสำหรับผู้ใช้งานอายุต่ำกว่า 15 ปี
สำหรับน้องๆ ที่อายุต่ำกว่า 15 ปี จะมีวงเงินสูงสุดที่ต่ำกว่าผู้ใหญ่ (เช่น 50,000 บาทต่อวัน) เพื่อความปลอดภัย
ระบบ Mobile Banking ต้องปลอดภัยกว่าเดิม: แบงก์ต้องทำอะไรบ้าง?
ไม่ใช่แค่ผู้ใช้ที่ต้องปรับตัว แบงก์เองก็ต้องปรับปรุงระบบ Mobile Banking ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วย
มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล: แบงก์ต้องอัปเดตระบบตลอดเวลา
แบงก์ต้องดูแลระบบ Mobile Banking ให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล และต้องอัปเดตระบบอยู่เสมอ เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีได้
ระบบปฏิบัติการมือถือที่ปลอดภัย: หลีกเลี่ยงระบบที่เสี่ยงต่อการถูกแฮก
แบงก์อาจจะไม่ให้บริการ Mobile Banking บนมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการเก่าๆ หรือระบบที่ถูกดัดแปลง (เช่น Rooted/Jailbroken) เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแฮก
ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน Mobile Banking
ขั้นตอนที่เพิ่มขึ้นเพื่อประโยชน์ของเราเอง
แน่นอนว่าเราทุกคนต้องปรับตัวกับมาตรการใหม่นี้ มันอาจจะไม่สะดวกเท่าเดิม แต่ก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของเงินเราเอง
ความปลอดภัยที่คุ้มค่า
การที่แบงก์ชาติออกมาตราการนี้ก็เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินที่อาจจะเกิดขึ้นกับเรา หากเราทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นก็จะลดลง
ประกาศนี้มีผลเมื่อไหร่?
ประกาศนี้มีผลบังคับใช้ภายใน 30 วัน หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (11 ก.พ. 2568) ยกเว้น ข้อกำหนดเรื่องการหลีกเลี่ยงการให้บริการบนระบบปฏิบัติการที่เสี่ยง จะมีผลบังคับใช้ภายใน 60 วัน
สรุป: อนาคต Mobile Banking ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
มาตรการใหม่นี้อาจจะทำให้การใช้งาน Mobile Banking ยุ่งยากขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยของเงินในบัญชีของเราทุกคน แบงก์ชาติและธนาคารต่างๆ กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างระบบ Mobile Banking ที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้เราใช้ได้อย่างสบายใจในยุคดิจิทัล
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับมาตรการใหม่
- Q: ถ้าฉันมีมือถือ 2 เครื่อง จะใช้ Mobile Banking ได้ทั้ง 2 เครื่องไหม? A: ไม่ได้ครับ 1 บัญชีธนาคาร จะผูกกับ Mobile Banking ได้แค่ 1 เครื่องเท่านั้น
- Q: ถ้าฉันเปลี่ยนมือถือใหม่ จะต้องทำอย่างไร? A: คุณจะต้องติดต่อธนาคารเพื่อยกเลิกการผูกบัญชีกับเครื่องเก่า แล้วทำการผูกบัญชีกับเครื่องใหม่
- Q: ถ้าฉันโอนเงินบ่อยๆ แต่ยอดเงินไม่ถึง 50,000 บาทต่อครั้ง จะต้องยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนไหม? A: ไม่จำเป็นครับ การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนจะใช้กับกรณีที่โอนเงินครั้งละมากๆ หรือโอนเงินรวมต่อวันเกินวงเงินที่กำหนด
- Q: ถ้ามือถือฉันใช้ระบบปฏิบัติการเก่า จะยังใช้ Mobile Banking ได้ไหม? A: อาจจะไม่ได้ครับ แบงก์อาจจะไม่ให้บริการ Mobile Banking บนมือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการเก่าๆ หรือระบบที่ถูกดัดแปลง
- Q: วงเงินสูงสุดต่อวันที่แบงค์ชาติกำหนดไว้เท่าไหร่? A: แบงก์ชาติจะกำหนดวงเงินให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคลครับ สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 15 ปี จะอยู่ที่ 50,000 ต่อวัน.
อ้างอิงที่มาจาก
ราชกิจจาฯ ประกาศแบงก์ชาติ ยกระดับความปลอดภัยการใช้ โมบายแบงก์กิ้ง ข่าวสด